จยย.บอมส์ถล่มปาดังฯดับ 6 เจ็บ 11 ราย “บิ๊กโด่ง” สั่งจนท.เยียวยาปชช.-ประณามก่อเหตุเดือนถือศีลอด
กรณีเกิดเหตุระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่รถจักรยานยนต์ นำมาจอดไว้บริเวณข้างป้อมตำรวจ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังโรงแรมไทยมาเลย์ ภายในตลาดปาดังเบซาร์ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ก่อนจุดชนวนระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เมื่อคืนวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหารูปพรรณติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 11 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ คือ น.ส.นุจรินทร์ นันเชียงเครือ อายุ 28 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ นางอะรอน ธรรมขันธ์ อายุ 42 ปี ชาว จ.หนองคาย เสียชีวิตที่ รพ.ปาดังเบซาร์ น.ส.นันทิสา อานาม อายุ 40 ปี เจ้าของร้าน อาการสาหัสมีบาดแผลฉีกขาดที่แขนและหลังและลำใส่ทะลุ เสียชีวิตที่ รพ.สงขลานครินทร์
ส่วนผู้บาดเจ็บมี 3 ราย คือ นางพัชราภรณ์ ทีวงค์ อายุ30 ปี ชาวจ.นครพนม ส่งต่อ รพ.หาดใหญ่ มีแผลฉีกขาดที่ใบหน้าและกระดูกใบหน้าหัก น.ส.ปิยธิดา ไชยพรม อายุ31 ปี ชาว จ.ศรีษะเกษรักษาตัว รพ.ปาดังเบซาร์ มีบาดแผลถลอกและฉีดขาดที่หัวเข่า และน.ส.ปนัดดา จันทะเกษ อายุ 30 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี หูอื้อแพทย์ให้กลับบ้านได้ ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บพนักงานร้านคารโอเกะที่เกิดเหตุ
รายงานข่าวแจ้งว่า รถยนต์เสียหายเล็กน้อยกระจกแตก ถูกสะเก็ตระเบิด 5 คัน รถจักรยานยนต์ 6 คัน บ้านเรือนเสียหายเล็กน้อย 2-3 หลัง โดยรถจักรยานยนต์นั้นจากการตรวจสอบหมายเลขเครื่องพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 110 ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนที่ถูกแจ้งหายไว้ที่ สภ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เมื่อปี 2557 ถูกนำมาจอดไว้ในช่วงกลางวัน ส่วนระเบิดที่ใช้เป็นระเบิดแสวงชุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง และมีอานุภาพรุนแรงมีเป้าหมายให้มีผู้เสียชีวิต
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่อีโอดี และเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์เชื่อมโยงกับเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่จ.นราธิวาส ที่เกิดเหตุระเบิดหลายจุดในเวลาไล่เลี่ยกัน ขณะที่เบาะแสของคนร้ายนั้นเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุระเบิดในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2556 คนร้ายได้ลอบวางระเบิด3 จุด โดยวางระเบิดจักรยานยนต์บอมที่หน้า สภ.ปาดังเบซาร์ วางระเบิดจักรยานยนต์บอมส์ภายในลานจอดรถ สภ.สะเดา และวางระเบิดคาร์บอมส์ที่ข้างโรงแรมโอริเวอร์ เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม ซึ่งมีผู้บาดเจ็บหลายสิบคน
ด้านนายทวีวุฒิ สังข์ศิริ นายอำเภอสะเดา กล่าวว่า ทางอำเภอตั้งศูนย์เยียวยาอำเภอที่จุดเกิดเหตุ เนื่องจากแรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ 6 ราย รถยนต์เสียหายเล็กน้อย 5 คัน รถจักรยานยนต์เสียหาย 6 คัน บ้านเรือนเสียหายเล็กน้อย 2-3 หลัง ในส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยชุมชนจังโหลน ย่านเศรษฐกิจชายแดนไทย-มาเลเซีย เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร ผกก.สะเดาสนธิกำลังกับฝ่ายปกครอง ตชด.และทหารวางกำลังคุมเข้ม
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 ก.ค. พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์คนร้ายได้ก่อเหตุความรุนแรงด้วยระเบิดและวางเพลิง ในเขตพื้นที่เมืองสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส พื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลาและพื้นที่ อ.ธารโต จ.ยะลา เมื่อวันที่ 10-11 ก.ค. รวม 8 จุด เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย และบาดเจ็บ 11 ราย และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย มีรายละเอียดคือ เวลา 19.00-19.30 น. เกิดเหตุในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จำนวน 6 จุด ประกอบด้วยการใช้ประทัดยักษ์ขว้างใส่ร้านครัวเจนนี่ และร้านพัฒน์เนื้อกระทะ ถนนลูกเสือนุสรณ์ 5 ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเกิดระเบิดหน้าโรงแรมท๊อปเอเชียตรงข้ามร้านบุษบาคาราโอเกะ ซอยประชาวิวัฒน์ 2 เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย
พ.อ.ปราโทมย์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเวลา 00.10-00.20 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ 3 จุด บริเวณร้านสมชายอะไหล่ยนต์ ถนนประชาวิวัฒน์ ร้านไทยอุปกรณ์ก่อสร้างถนนประชาวิวัฒน์ ซอย 1 และร้านแสงเจริญค้าส่ง ถนนหลังตลาดเก็นติ้ง ภายในเขตเทศบาลสุไหงโก-ลก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย เวลา 21.00 น. เกิดเหตุในพื้นที่ต.ปาดังเบซาร์ฯ จำนวน 1 จุด ด้วยการใช้ระเบิดแสวงเครื่องประกอบในรถจักรยานยนต์ บริเวณหน้าร้านคาราโอเกะครกทอง ในเขตเทศบาลปาดังเบซาร์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บ 3 ราย เวลา 07.00 น. ของวันที่ 11 ก.ค. เกิดเหตุในพื้นที่ต.แม่หวาด อ.ธารโต จำนวน 1 จุด ด้วยการวางระเบิดแสวงเครื่องบริเวณเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหาย 8 ต้น และเกิดไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้รับทราบเหตุการณ์ในขั้นต้นแล้ว ได้แสดงความเสียใจและห่วงใยต่อญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บพร้อมกับได้กำชับให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เร่งคลีคลายสถานการณ์ ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนปฏิบัติด้วยความระมัดระวังตามมาตรการรักษาความปลอดภัย
โดยทางพล.ท.ปราการ ชลยุทธ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการเน้นย้ำให้หน่วยในพื้นที่เร่งสร้างความเข้าใจกับเจ้าของกิจการและสถานบันเทิงทุกชนิด ซึ่งเป็นเป้าหมายกลุ่มเสี่ยงให้เพิ่มความระมัดระวัง โดยให้มีระบบรักษาความปลอดภัยภายในร้านและช่วยกันสังเกตสิ่งผิดปกติ รวมทั้งได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการปฏิบัติตามแผนรักษาความปลอดภัยในเขตพื้นที่เมืองเศรษฐกิจ โดยใช้กำลังทุกภาคส่วนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อการประกอบศาสนกิจของพี่น้องประชาชน รวมทั้งให้เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วนต่อไป
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นความพยายามของผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่มุ่งสร้างสถานการณ์ความรุนแรงตามความเชื่อที่ถูกบิดเบือนว่าจะได้ผลบุญเป็นทวีคูณ ซึ่งขัดกับบทบัญญัติของศาสนาอิสลามและความต้องการของ พี่น้องประชาชนที่ต้องการให้เป็นเดือนแห่งสันติสุข ปราศจากความรุนแรง ทั้งนี้ผู้นำศาสนา 8 องค์กรในพื้นที่ได้ออกมาแสดงจุดยืน ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ และขอให้พี่น้องมุสลิมประกอบศาสนกิจในห้วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนอย่างเคร่งครัด จึงขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนในสังคมร่วมกันประณามการใช้ความรุนแรงดังกล่าวอย่างกว้างขวาง เพราะถือเป็นการกระทำที่สุดโต่ง เผด็จการ และไร้มนุษยธรรม ซึ่งนอกจากได้สร้างความเดือดร้อนและความเสียหายในชีวิติและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนแล้วยังเป็นการทำลายบรรยากาศการประกอบศาสนกิจในเดือนอันศักดิ์สิทธิ์ของพี่น้องมุสลิมอย่างร้ายแรง” โฆษกกอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า กล่าว
วันเดียวกัน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีเหตุระเบิดหลายจุด เมื่อคืนวันที่ 10 ก.ค.58 ที่ผ่านมา ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก และเขตเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บหลายราย และมีผู้เสียชีวิต ว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ในฐานะ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) ได้รับทราบรายงานเบื้องต้นตั้งแต่ค่ำวานนี้แล้ว โดยได้แสดงความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ พร้อมกับสั่งการ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผอ.รมน.ภาค 4 จนถึงผู้บังคับการเฉพาะกิจจังหวัด (ผบ.ฉก.จังหวัด) ให้ควบคุมสถานการณ์ร่วมกับฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกำลังประชาชนในพื้นที่ ให้เร่งคลี่คลายเหตุการณ์ ช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ เตรียมให้การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในเบื้องต้น รวมทั้งให้ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุโดยอาศัยวัตถุพยานต่างๆ ตามกระบวนการยุติธรรม โดยคาดว่าจะได้ตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ในที่สุด
พ.อ.บรรพต กล่าวต่อว่า กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่า เป็นลักษณะการก่อเหตุระเบิดและเหตุเพลิงไหม้หลายจุดในคืนเดียวกัน มุ่งหวังให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นหลัก กอ.รมน จึงขอประณามผู้วางแผนสั่งการและผู้ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ ที่ไม่คำนึงถึงชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์แต่อย่างใด ประกอบกับห้วงเดือนนี้เป็นเดือนถือศีลอด เป็นเดือนแห่งศรัทธา ศาสนิกทุกคนต่างบำเพ็ญตนตามหลักศาสนา แต่ในห้วงท้ายเดือนอันศักดิ์สิทธิ์นี้ กลับมีคนบางกลุ่มที่นิยมความรุนแรงยังคงพยายามก่อเหตุร้ายอยู่เนืองๆ
ซึ่งถือว่าขัดต่อหลักศาสนาอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้ กอ.รมน. จึงใคร่ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนให้ช่วยกันสอดส่องดูแลพื้นที่ตนเอง หากพบเห็นเหตุผิดปกติหรือวัตถุต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่ใกล้ที่สุด ในโอกาสนี้ขอให้ความเชื่อมั่นว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับจะมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ อย่างเต็มขีดความสามารถ ตามนโยบายและยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา จชต. ภายใต้กรอบของกฎหมายและเคารพหลักสิทธิมนุษยชนต่อไป
ที่่มา khaosod