นายกฯ จี้คลัง - พาณิชย์ เร่งจูงใจด้านภาษี ดึงบริษัทต่างชาติ ก้าวสู่ศูนย์กลางภูมิภาค
"พล.อ.ประยุทธ์" สั่งการให้ คลัง พาณิชย์ เร่งจี้ ปชส.และขับเคลื่อนมาตรการจูงใจด้านภาษี ดึงดูดบริษัทต่างชาติตั้งสำนักงานใหญ่ในไทย หวังยกไทยเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนในภูมิภาค ช่วยรัฐจัดเก็บรายได้เพิ่ม
วันนี้ (12 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าของมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้ง สนง.ใหญ่ข้ามประเทศ (IHQ) และมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (ITC) ว่า ตามที่ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.57 และ 10 มี.ค.58 เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศจัดตั้ง สนง.ใหญ่ข้ามประเทศและบริษัทการค้าระหว่างประเทศในประเทศไทย ส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้า การเงินและการลงทุนของภูมิภาคนั้น
ขณะนี้มีบริษัทที่ได้รับอนุมัติให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของ IHQ แล้ว 17 ราย และบริษัทที่ได้รับอนุมัติให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของ ITC จำนวน 2 ราย นอกจากนี้ยังบริษัทที่อยู่ระหว่างการพิจารณาให้สิทธิประโยชน์อีก 12 ราย
ส่วนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุมัติสิทธิประโยชน์ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาภายใต้ 2 มาตรการดังกล่าวมีทั้งหมด 191 ราย
"นายกฯได้ติดตามความคืบหน้าของมาตรการนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลต้องการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนด้วยการสร้างแรงจูงใจให้บริษัทต่างชาติมาตั้ง IHQ และ ITCในบ้านเราแทนที่จะไปตั้งในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ที่ผ่านมาไทยมีข้อจำกัดด้านภาษีที่ไม่เอื้อต่อบริษัทต่างชาติ วันนี้รัฐบาลปรับหลักเกณฑ์ใหม่ซึ่งต้องให้เวลาคนทำงานไปอธิบายกับต่างชาติว่า เรามีมาตรการภาษีที่สนับสนุนการลงทุนแก่เขา โดยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี นับตั้งแต่ที่ได้มีการปรับแก้กฎหมายเมื่อเดือน พ.ศ.58 จึงจะเริ่มเห็นผล"
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกในการติดต่อประสานงานเพื่อให้บริษัทต่างชาติเข้าใจถึงมาตรการภาษีที่รัฐบาลกำหนด เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้มาตั้ง สนง.ใหญ่ในไทย ซึ่งถ้าเปรียบเทียบสิ่งที่ได้รับการยกเว้นถาษีจำนวนหนึ่งให้แก้บริษัทต่างชาติจะพบว่ามีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะจะทำให้ประเทศมีตลาดที่กว้างขึ้นและคาดว่าจะจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี
สำหรับมาตรการภาษีเพื่อ IHQ คือ
1. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 15 ปี สำหรับรายได้จากการให้บริการเงินปันผลค่าสิทธิรายได้จากการโอนหุ้นที่ได้รับจากวิสาหกิจในเครือที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศและรายได้จากการซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศ รวมถึงเงินปันผลและดอกเบี้ยที่นิติบุคคลที่อยู่ในต่างประเทศและไม่ได้ประกอบกิจการในไทยได้รับจาก IHQ
2. ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดาสำหรับคนต่างด้าวที่ทำงานใน IHQ เหลือ 15 % เป็นระยะเวลา 15 ปี จากรายได้การซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศรวมถึงเงินปันผลและดอกเบี้ยที่ IHQ ได้รับจากธุรกรรมการกู้ยืมในเครือ
ส่วนมาตรการภาษีเพื่อ ITC คือ
1. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 15 ปี จากรายได้การซื้อและขายสินค้าในต่างประเทศรวมถึงเงินปันผลและดอกเบี้ยที่นิติบุคคลที่อยูาในต่างประเทศและไม่ได้ประกอบกิจการในไทยได้รับจาก ITC
2. ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับคนต่างด้าวที่ทำงานใน ITC เหลือ 15 % เป็นระยะเวลา 15 ปี